
เลขาฯ กอ.รมน. ย้ำหนวยขึ้นตรง กอ.รมน. เดินหน้าแก้ปัญหาความมั่นคง ยาเสพติดในทุกมิติ หวั่นเข้าสู่ฤดูร้อนมีการลักลอบนำเข้าบริเวณชายแดน ให้เพิ่มความเข้มงวด ลาดตระเวน เฝ้าระวังพื้นที่ล่อแหลม รวมถึง
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสธ.ทบ. ในฐานะ เลขาฯ กอ.รมน. เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ครั้งที่ 3/2568 เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติงาน พร้อมเน้นย้ำงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลที่ โดยมี หัวหน้าหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. เข้าร่วมประชุมฯ
พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า ในการประชุมหน่วยได้มีการรายงานผลการปฏิบัติงาน พร้อมกับประธานฯ ได้มอบนโยบายและแนวทางในการแก้ไขปัญหาความมั่นคง โดยมีประเด็นที่สำคัญคือ การแก้ไขปัญหายาเสพติด เนื่องจากใกล้เข้าสู่ห้วงฤดูร้อนสภาพภูมิประเทศในบางจุดเอื้ออำนวยต่อการลำเลียงยาเสพติด ประกอบกับด้านชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือลำน้ำโขงมีระดับลดลง ทำให้เกิดสันดอนและเกาะแก่งเพิ่มขึ้น กลุ่มขบวนการอาจใช้เป็นแหล่งพักรอการลักลอบลำเลียงข้ามมายังฝั่งไทย ซึ่งพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการลักลอบนำเข้าบริเวณชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย, จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร และภาคตะวันตก จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี
ซึ่งที่ผ่านมาผลการบูรณาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดและสารตั้งต้น ตั้งแต่ 1 ต.ค.67- 26 ก.พ.68 ตรวจพบการกระทำความผิด 691 ครั้ง สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 976 คน ยึดของกลาง ยาบ้า 247 ล้านเม็ด, ไอซ์ 11,086 กก., เฮโรอีน 459 กก., แฮปปี้วอเตอร์ 1,889 ซอง, คีตามิน 1,239 กกก., ฝิ่น 10 กก., โคเคน 14 กก.
“เลขาฯ กอ.รมน. เน้นย้ำให้ กอ.รมน.ส่วนกลาง กอ.รมน.ภาค และกอ.รมน.จังหวัด ขับเคลื่อนหน่วยที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และตรวจสอบพื้นที่ล่อแหลม ตามนโยบายของรัฐบาล Seal Stop Safe แนวชายแดน 14 จังหวัด 51 อำเภอ เพื่อให้การสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนไม่ให้ถูกลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนใน”
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ย้ำให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท และทำงานอย่างเต็มที่ในการติดตามสถานการณ์และขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาและบูรณาการทุกภาคส่วน การสร้างกำลังประจำถิ่นให้มีความพร้อมและเข้มแข็ง เพื่อให้สามารถดูแลพื้นที่บ้านเกิดได้ การแก้ไขปัญหาขอให้ใช้การเจรจาพูดคุยสันติสุข ทั้งนี้ การปฏิบัติขอให้เน้นเชิงรุก การบูรณาการด้านการข่าว การติดตามการบังคับใช้กฎหมายเพื่อจำกัดเสรีในการปฏิบัติของผู้ก่อเหตุรุนแรง และเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
เลขาฯ กอ.รมน. กล่าวช่วงท้าย โดยได้ขอบคุณสำหรับความคืบหน้าในการปฏิบัติงานและผลงานของหน่วยขึ้นตรง โดยขอให้หน่วยใช้โอกาสนี้ทบทวนการปฏิบัติงานอย่างรอบด้าน เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานของหน่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเน้นย้ำให้ปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบและอำนาจหน้าที่ ตามนโยบายของรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน. ตลอดจนให้ กอ.รมน.ส่วนกลางปฏิบัติงานเชิงรุก มีการติดตามและประเมินสถานการณ์ความมั่นคงในทุกมิติ รวมถึงให้ กอ.รมน.ภาค และกอ.รมน.จังหวัด ติดตามและประเมินสถานการณ์ภัยด้านความมั่นคงที่มีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่อย่างใกล้ชิด มุ่งเน้นประเด็นที่กระทบต่อประชาชนเป็นหลัก อาทิ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงประชาชนและการค้ามนุษย์ ปัญหายาเสพติด หนี้นอกระบบ การประกอบอาชีพหรือยึดครองพื้นที่ของชาวต่างชาติโดยผิดกฎหมาย รวมถึงปัญหาการลักลอบเผาป่า ฝุ่น PM2.5 ซึ่งสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่กระทบกับสุขภาพของคนไทย ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเตรียมรับมือและป้องกันปัญหาความมั่นคงและภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา
นอกจากนี้ เลขาฯ กอ.รมน. ขอให้หน่วยทำการศึกษาและนำงานวิจัยมาปรับใช้ในการทำงาน พร้อมจัดทำบทความทางวิชาการด้านความมั่นคง เพื่อสร้างองค์ความรู้ และความรู้ความเข้าใจในบทบาทของหน่วย รวมถึงขอให้มีการศึกษาแนวทางในการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของ กอ.รมน. ให้มีความเหมาะสม กะทัดรัดและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การทำงานระหว่าง กอ.รมน.ส่วนกลาง ภาค จังหวัด และส่วนราชการอื่นๆ เป็นไปอย่างประสานสอดคล้อง ตลอดจนมีการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานของหน่วยให้กับประชาชนได้ทราบในทุกช่องทาง เพื่อสร้างการตระหนักรู้ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาความมั่นคงร่วมกัน