
ทอ.ประกาศเดินหน้าโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 ลำ มูลค่า 19,500 ล้านบาท โดยย้ำว่าโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การเสริมสร้างศักยภาพด้านการป้องกันประเทศ และเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางอากาศในระยะยาว
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.68 พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า การจัดหา Gripen E/F ไม่ใช่แค่การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ แต่คือการวางรากฐานด้านความมั่นคงที่ยั่งยืน เครื่องบินรุ่นนี้มีขีดความสามารถสูง ทั้งเรดาร์ AESA ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และจรวด BVR แบบ Meteor รองรับภารกิจการรบสมัยใหม่ได้อย่างครอบคลุม พร้อมทดแทนฝูง F-16 ที่ใช้งานมานานกว่า 37 ปี และจะทยอยปลดประจำการในช่วงปี 2571–2578
กองทัพอากาศดำเนินการด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและรัดกุม มีคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนร่วมพิจารณาทั้งด้านขีดความสามารถ ความคุ้มค่า และราคา จนได้ข้อสรุปว่า Gripen E/F คือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภารกิจป้องกันประเทศของไทย
โครงการนี้ยังมาพร้อมมาตรการชดเชยทางยุทโธปกรณ์ (Defence Offset) รวมมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 154.6% ของมูลค่าโครงการ โดยครอบคลุมการถ่ายทอดเทคโนโลยี Tactical Data Link (Link-T) การพัฒนากำลังพลและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในประเทศ ตลอดจนความร่วมมือด้านการศึกษาและวิจัยร่วมกับสวีเดน
ตัวแทนจากรัฐบาลสวีเดน และบริษัท SAAB ซึ่งเป็นผู้ผลิต Gripen เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าว ยืนยันความร่วมมือระยะยาวในทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาลและภาคอุตสาหกรรม
กองทัพอากาศวางแผนลงนามในสัญญาภายในเดือนสิงหาคม 2568 พร้อมเตรียมฝึกอบรมนักบินและช่างเทคนิคให้พร้อมปฏิบัติงานทันทีที่เครื่องบินเข้าประจำการ
“กองทัพอากาศขอยืนยันว่า ทุกบาทของภาษีพี่น้องประชาชนจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อความมั่นคงของชาติ”โฆษกกองทัพอากาศกล่าว