
ผบ.ทหารสูงสุด นำ ผบ.ทร.-ผบ.ทอ. พร้อมผู้แทนเหล่าทัพ ร่วมวางพวงมาลา รำลึกนักรบไทย เนื่องในวันกองทัพไทย 2568 ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.68 พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาสักการะดวงวิญญาณนักรบไทย เนื่องในวันกองทัพไทย 2568 ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ โดยมี พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.อ.ภัทรพล ภัทรพัลลภ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักปลัดกลาโหม เป็นผู้แทน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วสุ เจียมสุข ผู้ช่วยผบ.ทบ. เป็นผู้แทน ผบ.ทบ. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก(ผอ.อปศ.) และพล.อ.ชัชวาลย์ ขำเกษม ประธานที่ปรึกษาสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย เข้าร่วมพิธีฯ
โดยมี พิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ กองบัญชาการกองทัพไทย พิธีถวายสักการะพระไพรีพินาศ พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ 5 พิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราช 9 พระองค์ พิธีวางพวงมาลาสักการะดวงวิญญาณนักรบไทย พิธีสงฆ์ ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และจัดให้มีพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ณ กองพันทหารสื่อสารกองบัญชาการกองทัพไทย กรมการสื่อสารทหาร ถนนสรงประภา เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
สำหรับ วันกองทัพไทย เป็นวันสำคัญที่ได้จารึกวีรกรรมไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงกระทำยุทธหัตถี มีชัยเหนืออริราชศัตรู เมื่อวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จุลศักราช 954 ตรงกับวันที่ 18 มกราคม 2135 ซึ่งได้ปรากฏเป็นพระเกียรติยศแผ่ไพศาล และเกียรติภูมิของกองทัพไทย จึงให้ยึดถือวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย
ทั้งนี้ กองทัพไทย มีพันธกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย การป้องกันประเทศ การพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การพัฒนาประเทศ โดยได้บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชน สำหรับด้านการรักษาความมั่นคงของรัฐ ให้การสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยคุกคามในทุกมิติ ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ โดยเคารพหลักสากลระหว่างประเทศ รวมทั้งตระหนักถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ