แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ด่วน หลังอุสตาซถูกลอบยิงเสียชีวิตกลางเมืองสุไหงโก-ลก สั่งคุมเข้มด่านชายแดนไทย-มาเลย์ ล่าคนร้ายทุกช่องทาง สกัดเหตุรุนแรงซ้ำซ้อน เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.68 พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผอ.รมน.ภาค 4 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ลอบยิงนายอับดุลรอนิง ลาเต๊ะ อายุ 60 ปี อุสตาซประจำชุมชน เสียชีวิตขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากละหมาด ที่บริเวณโกดังของห้างหุ้นส่วนจำกัดฟาร์มิลล์ติ รับเบอร์ ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
หลังลงพื้นที่ พแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ทันที เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์และสั่งการในเชิงลึกเพื่อเร่งรัดคดีดังกล่าวภายในกรอบของกฎหมายโดยเร่งด่วน โดยเน้นย้ำให้เร่งคลี่คลายคดี พร้อมตรวจสอบมูลเหตุอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งส่วนตัว หรือความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มขบวนการอาจฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์และป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ
“คดีลักษณะนี้ เราต้องพิจารณาทั้งประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว และความเชื่อมโยงกับความมั่นคง กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมักใช้กลยุทธ์บิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิด” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังการเพิ่มมาตรการเข้มด่านพรมแดน ป้องกันผลกระทบข้ามประเทศ โดยได้กำชับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องของด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยสั่งการให้ เพิ่มมาตรการเข้มงวด ทั้งในด้านความปลอดภัยและการข่าว เพิ่มจุดตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อป้องกันการลักลอบนำอาวุธ วัตถุต้องสงสัย หรือสิ่งผิดกฎหมาย ตลอดจนติดตามบุคคลเป้าหมายและเครือข่ายต้องสงสัย พร้อมลาดตระเวนพื้นที่ช่องทางธรรมชาติ เพื่อสกัดการลักลอบข้ามแดนจากกลุ่มก่อเหตุ
“ด่านชายแดนคือแนวหน้าในการป้องกันภัยคุกคามระดับประเทศ เราต้องทำให้มั่นใจว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดหลุดรอดจากการเฝ้าระวัง และทุกมาตรการต้องคงไว้ซึ่งความสมดุลระหว่างความปลอดภัยกับการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน”พล.ท.ไพศาลกล่าว พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยเร่งดำเนินการเชิงรุก ทั้งด้านการข่าว การเสริมสร้างความเข้าใจกับผู้นำศาสนา และการเสริมความเชื่อมั่นของประชาชน เพื่อให้การรักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก้าวเข้าสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นการยืนยันจุดยืนของหน่วยงานภาครัฐในการขับเคลื่อนความมั่นคงแบบเชิงรุก ควบคู่กับการสร้างความเชื่อมั่นและคืนความสงบสุขให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน
