
กอ.รมน.ภาค 4 จับมือผู้ตรวจการแผ่นดิน และกกล.เทพสตรี ลุยตรวจสอบกลุ่มผู้มีอิทธิพลชายแดนชุมพร-ระนอง หลังประชาชนร้องเรียนมีการใช้อำนาจมิชอบใน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ทำลายความสงบและมั่นคงภายในประเทศ
พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. ชี้แจงว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่ชายแดน จ.ชุมพร-ระนองนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สืบเนื่องจาก กอ.รมน. โดย กอ.รมน.ภาค 4 ได้รับการประสานจากส่วนสอบสวน 4 สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ถึงการได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพร กรณีมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ที่มีพฤติการณ์ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นภัยต่อความมั่นคงภายใน
จึงได้จัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร บริเวณพื้นที่ชายแดนจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองขึ้น เพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงพื้นที่ตรวจสอบ ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2568 เป็นต้นมา
จากการตรวจสอบ สืบสวน และสอบปากคำพยานในพื้นที่ คณะทำงานฯ พบว่ามีบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน รวมกว่า 10 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการ เช่น การบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ปลูกพืชผลอาสินโดยมิชอบ การนำเข้าสินค้าทางเกษตรโดยผิดกฎหมาย และลักลอบขนย้ายแรงงานชาวโรฮีนจาเข้าประเทศ ซึ่งถือเป็นความผิดที่กระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ
ล่าสุดคณะทำงานฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมสรุปสำนวนการสอบสวนและบันทึกคำให้การของพยาน ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการของกฎหมาย
ในขณะเดียวกัน กองทัพบก โดยกองกำลังเทพสตรี ได้เพิ่มความเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่เชิงรุก ปิดกั้นเส้นทางทำเครื่องกีดขวางในพื้นที่สุ่มเสี่ยง 4 จุด ปิดกั้นช่องทางธรรมชาติ 5 ช่องทาง และจัดตั้งชุดลาดตระเวนเพิ่มเติม 3 ชุด ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ รวมถึงการลักลอบกระทำผิดตามแนวชายแดนลดลงเป็นลำดับ
ทั้งนี้ กอ.รมน. จะมุ่งมั่นในการบูรณาการและขับเคลื่อนภารกิจด้านความมั่นคงทั้งในมิติการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการแก้ไขปัญหาเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการเข้าแก้ไขปัญหา เสริมสร้างความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงให้แก่ประเทศ และหากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเข้าระงับเหตุและดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างทันท่วงที