กอ.รมน. เดินหน้าอบรมพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนการก่อการร้ายร่วมกับภาคประชาชน เขตพื้นที่ กทม. เสริมการแก้ไขปัญหาความมั่นคง การก่อการร้าย และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ท.ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. เป็นประธานพิธีเปิดโครงการอบรมพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนการก่อการร้ายพื้นที่ กทม. ในหัวข้อ “แนวทางแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบครบวงจร” โดยเป็นการอบรมให้ความรู้กับเครือข่ายภาคประชาชน องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) และ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) มีผู้เข้ารับการอบรมกว่า 100 คน ณ โรงแรม บ้านไทยบูทีค แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
ศปป.3 กอ.รมน. เป็นหน่วยงานป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงแบบพิเศษ อาทิ ปัญหาการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และปัญหาด้านความมั่นคงตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาความมั่นคงในสังคมที่มีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆเกิดขึ้น ที่เกิดผลกระทบเสียหายในวงกว้าง และส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ จึงได้จัดการอบรมในครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ในสถานการณ์และผลกระทบด้านการก่อการร้าย เข้ามาเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญอบรมและให้ความรู้ในเรื่องการก่อการร้าย การข่าว และการเฝ้าระวังภัยออนไลน์ เป็นต้น
ในที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ มุมมองความคิดเห็นในการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย ศปป.3 กอ.รมน. ได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบครบวงจร ถึง 6 แนวทางสำคัญ โดยมุ่งเน้นการดำเนินการที่เป็นระบบ รอบคอบ และครบวงจร พร้อมขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยมีการวางแนวความคิดในการป้องกัน ประกอบด้วย
1. การป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ : โดยจัดทำโครงการให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง เช่น การรณรงค์ “รู้ทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ผ่านสื่อต่าง ๆ เพิ่มกลไกการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบโทรศัพท์และแอปพลิเคชัน เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ทันทีเมื่อมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย อาทิ การให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน และการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกัน
2. การปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในด้านการสืบสวนสอบสวนและการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมทั้งการพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีในการติดตามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3. การสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน และธนาคาร เพื่อป้องกันและจัดการการฟอกเงินหรือธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลกลางเพื่อประสานงานระหว่างหน่วยงานอย่างรวดเร็ว อาทิ บูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ โดย กอ.รมน. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ประสานความร่วมมือในการป้องกันกับธนาคารและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติน่าสงสัยและบล็อกบัญชีหรือเบอร์โทรที่เกี่ยวข้อง
4. การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยใช้ช่องทางทางการทูต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สนับสนุนการแก้ปัญหาในภาพรวมระดับภูมิภาค
5. การจัดตั้งกลไกสนับสนุนประชาชน อบรมผู้นำชุมชน สร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนที่สามารถกระจายข้อมูลเตือนภัยได้อย่างรวดเร็ว การสร้างกลไกป้องกันที่ชุมชน โดยส่งเสริมเครือข่ายชุมชน เช่น การตั้งอาสาสมัครในชุมชน(เครือข่ายกรมการปกครอง, เครือข่าย อสม., เครือข่ายองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก, เครือข่ายนักศึกษาวิชาทหาร หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ฯลฯ) เพื่อช่วยแจ้งเตือนและเฝ้าระวัง
6. การพัฒนากฎหมายและแนวทางการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ให้ครอบคลุมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์-เสนอแนวทางการแก้ไขการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในระดับชาติ
ทั้งนี้ ปัญหาภัยความมั่นคง โดยเฉพาะปัญหาภัยออนไลน์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อบุคคล และความเสียหายต่อเศรษฐกิจในภาพรวมระดับประเทศ จึงถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจข้ามชาติที่เป็นภัยร้ายแรงในยุคปัจจุบัน กอ.รมน. จะมุ่งมั่นบูรณาการแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับสังคม เพื่อเตรียมการป้องกันให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการบูรณาการจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคมไทยพ้นจากภัยคุกคามนี้อย่างยั่งยืน
