
“ภูมิธรรม” กำชับ กองกำลังป้องกันชายแดน คุมเข้มการลักลอบเข้าเมือง และย้ำการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในเมียวดี เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านชายแดนอย่างจริงจัง บนพื้นฐานหลักมนุษยธรรม
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 68 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกลาโหม กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานข้ามชาติบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นจุดที่เกิดปัญหาที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับประเด็นด้านมนุษยธรรม ความมั่นคง และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ว่า เมืองเมียวดีได้กลายเป็นศูนย์กลางแรงงานข้ามชาติจาก 21 ประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยแรงงานเหล่านี้ส่วนใหญ่เดินทางตรงจากประเทศต้นทางไปยังกรุงย่างกุ้ง ก่อนจะเดินทางต่อมายังเมียวดี เนื่องจากได้รับคำเชิญชวนผ่านช่องทางออนไลน์ หรือเครือข่ายนายหน้าที่เสนอค่าตอบแทนสูงและโอกาสทำงานที่ดูน่าสนใจ
อย่างไรก็ตามแรงงานบางส่วนเลือกเดินทางผ่านประเทศไทย โดยใช้เส้นทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังแม่สอด ซึ่งมีทั้งผู้ที่เดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและผู้ที่ลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยเมืองเมียวดีเป็นพื้นที่ที่ถูกควบคุมจากกองกำลังหลายฝ่ายในการดูแลธุรกิจขนาดใหญ่หลายพันล้านบาทที่ดำเนินการโดยชาวจีนและผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่งผลให้แรงงานที่เดินทางเข้าไปต้องเผชิญกับสภาพการทำงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ถูกควบคุมเข้มงวด และไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่คาดหวัง แรงงานจำนวนมากพยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ แต่การหลบหนีเหล่านี้สำเร็จได้เพียงบางส่วน
ล่าสุดเมื่อคืน (18 ม.ค.)ชาวอินโดนีเซียจำนวน 32 คนสามารถหลบหนีข้ามแม่น้ำเมยมายังฝั่งไทยได้สำเร็จ โดยได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ที่ส่งตัวแรงงานทั้งหมดให้ตำรวจในพื้นที่แม่สอดเพื่อตรวจสอบข้อมูล ผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าในจำนวนนี้ 12 คนเคยเดินทางผ่านสนามบินดอนเมืองในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 โดย 8 คนเดินทางต่อจากกรุงเทพฯ มายังแม่สอดผ่านเส้นทางบก ส่วนอีก 20 คนไม่พบข้อมูลการเดินทางผ่านเข้าประเทศไทย ปัจจุบันกลุ่มคนเหล่านี้ได้เข้าสู่กระบวนการการปฎิบัติงานส่งต่อระดับชาติ (NRM-National Referral Mechanism) การบริหารจัดการคดีและการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการกับงานตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอด จ.ตาก ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ร้อยอาสาสมัคร อำเภอแม่สอด เพื่อทำการซักถามของทีมสหวิชาชีพอันประกอบด้วยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอด ซึ่งจะใช้ระยะเวลาขั้นตอนการซักถามขั้นต่ำประมาณ 20 วันโดยจะมีการซักถามเป็นรายบุคคล หลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศจะเข้ามาดูแลเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการส่งกลับประเทศอินโดนีเซียต่อไป
สำหรับการปฎิบัติหน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจราชมนู รับผิดชอบดูแลใน อำเภอแม่สอด ได้ดำเนินการลาดตระเวนในพื้นที่โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ และการติดป้ายประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเดินทางข้ามไปยังฝั่งจังหวัดเมียววดี โดยในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเดินทางข้ามแดนมายังฝั่งไทย ได้ทั้งสิ้นประมาณ 700 คน ประกอบด้วย 21 สัญชาติ ได้แก่ พม่า จีน ศรีลังกา อินโดนีเซีย และประเทศทางแถบแอฟริกา
นายภูมิธรรม ย้ำว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดมาตรการที่ครอบคลุมในการแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติและผลประโยชน์สีเทาในพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการควบคุมการลักลอบเข้าเมือง การป้องกันการค้ามนุษย์ การตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของผู้เข้าเมือง และการสกัดกั้นการใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์ผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน
พร้อมกันนี่ รัฐบาลได้เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น สถานเอกอัครราชทูต องค์กรสิทธิมนุษยชน และหน่วยงานรักษาความปลอดภัย เพื่อให้การช่วยเหลือแรงงานต่างชาติที่ประสบปัญหาเป็นไปตามมาตรฐานสากล รัฐบาลจึงมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเร่งรัดการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาในเชิงลึกและสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและปลอดภัยสำหรับแรงงาน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ นายภูมิธรรมยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวจะไม่เพียงช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในบทบาทของประเทศไทยในด้านมนุษยธรรมและความมั่นคงในภูมิภาคอีกด้วย