
“ภูมิธรรม” นำทีม กลาโหม เยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson กระชับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่เข้าจอดท่าเรือแหลมฉบัง ระหว่าง 27-31 ม.ค. เพื่อให้ลูกเรือได้พักผ่อน โดยเรือลำนี้มีบทบาทสำคัญ เช่น สงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามอิรัก และสงครามอัฟกานิสถาน
เมื่อวันที่ 26 ม.ค.68 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กห. เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้นำคณะผู้แทนกระทรวงกลาโหม เดินทางเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชลบุรี ซึ่งการเยี่ยมชมครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก พลเรือตรี Michael S. Wosje ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 1 และนาวาเอก Matthew C. Thomas ผู้บัญชาการเรือ USS Carl Vinson โดย USS Carl Vinson จะเรือเข้าจอดที่ท่าเรือแหลมฉบัง ระหว่างวันที่ 27-31 มกราคม 2568 ตามภารกิจเยือนเมืองท่า (Port Visit) เพื่อให้ลูกเรือได้พักผ่อนโดยไม่มีการสับเปลี่ยนกำลัง USS Carl Vinson เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Nimitz มีระวางขับน้ำ 97,000 ตัน รองรับลูกเรือได้มากถึง 6,000 นาย

PACIFIC OCEAN (May 31, 2015) Aircraft carrier USS Carl Vinson (CVN 70) transits the Pacific Ocean. Carl Vinson and its embarked air wing, Carrier Air Wing (CVW) 17, are in the U.S. 3rd Fleet area of operations returning to homeport after a deployment to the U.S. 5th and 7th Fleets. (U.S. Navy Photo by Mass Communication Specialist 3rd Class Eric Coffer/Released)
เรือลำนี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์กองทัพเรือสหรัฐฯ โดยเคยปฏิบัติภารกิจในสงครามสำคัญ เช่น สงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามอิรัก และสงครามอัฟกานิสถาน รวมถึงภารกิจด้านมนุษยธรรม เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ USS Carl Vinson ได้รับการขนานนามว่าเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขวัญใจชาวอเมริกัน และมีส่วนสำคัญในการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพเรือสหรัฐฯ
อีกทั้งยังจะได้เยี่ยมชมพื้นที่สำคัญบนเรือ เช่น ดาดฟ้าบิน สะพานเดินเรือ โรงเก็บอากาศยาน แผนกการแพทย์ และห้องรับประทานอาหาร รวมถึงชมการปฏิบัติการของอากาศยานบนเรือ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและเทคโนโลยีทางการทหารขั้นสูง
การเยี่ยมชมในครั้งนี้แสดงถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐฯ พร้อมทั้งเปิดโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านยุทธศาสตร์และเสริมสร้างศักยภาพทางการทหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนความมั่นคงและความร่วมมือในภูมิภาคให้แน่นแฟ้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น