
“ภูมิธรรม” ลุยชายแดนใต้ เข้าค่ายสิรินธร ย้ำขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สร้างความมั่นคง เน้นการสร้างสันติสุขเป็นแนวทางยุติความขัดแย้ง หวังสร้างโอกาส ยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิต วางรากฐานสู่สันติสุขถาวร
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.68 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เพื่อเยี่ยมเยียนและรับทราบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่สำคัญในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงและเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่
การเยี่ยมเยียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบปัญหาข้อขัดข้องที่เจ้าหน้าที่ประสบในการปฏิบัติงาน และกระทรวงกลาโหมจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางแก้ไขในระดับนโยบายให้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นการสร้างความเข้าใจร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ในที่ประชุม กอ.รมน.ภาค 4 สน.ได้รายงานว่าภารกิจหลักของหน่วยคือการดูแลความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมกับส่งเสริมการพัฒนา เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข โดยยึดแนวทาง “การใช้สันติวิธีเป็นหลัก ยุติความขัดแย้งด้วยการเสริมสร้างความเข้าใจและการพัฒนา” ให้ความสำคัญกับการป้องกันเหตุการณ์รุนแรง ผ่านกระบวนการทางกฎหมายและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน มากกว่าการใช้กำลังทางทหารเป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุความไม่สงบ 32 ราย และสามารถตรวจยึดอาวุธปืนได้ 6 กระบอก นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีกับขบวนการค้ายาเสพติดถึง 1,616 คดี และนำผู้เสพที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวเข้ารับการบำบัดจำนวน 81 ราย
ด้านสถานการณ์ตามแนวชายแดน พบว่ายังคงมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงได้เพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีและแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้กระทำผิดกว่า 100 ราย พร้อมกับตรวจยึดของกลางจำนวนมาก เช่น บุหรี่เถื่อน น้ำมันเถื่อน และผลิตผลทางการเกษตรกรรม และเพื่อให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองอาสารักษาดินแดน (อส.) และอาสาสมัครประจำพื้นที่ให้สามารถดูแลชุมชนของตนเองได้ โดยในปีงบประมาณ 2568 มีการฝึกอบรมผู้นำ อส. จำนวน 2,532 นาย เพื่อให้พวกเขาเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่