
รอง ผอ.รมน. ยกผลงาน 6 เดือน ชัดเจนเป็นรูปธรรม จับยาเสพติดกว่า 450 ล้านเม็ด สกัดคนลักลอบเข้าเมืองกว่า 2 หมื่นคน สั่งบูรณาการทุกภาคส่วน ลุยต่อครึ่งปีหลัง เอาจริงกับภัยความมั่นคงสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เน้นเดินหน้าทำงานเชิงรุก ย้ำบูรณาการและขับเคลื่อนการทำงานกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความมั่นคง
พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ครั้งที่ 5/2568 โดยมี พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผู้ช่วย ผอ.รมน., พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เลขาธิการ กอ.รมน. คณะผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. และ ทบ. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กอ.รมน.(ส่วนกลาง) โดยมี กอ.รมน.ภาค และกอ.รมน.จังหวัด เข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ
ในช่วงต้นของการประชุมเป็นการสรุปสถานการณ์ของปัญหาความมั่นคงในด้านต่าง ๆ สถานการณ์ยาเสพติด ปัจจุบันยังคงมีการพยายามลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ อย่างไรก็ตาม จากนโยบายรัฐบาล โครงการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ตามแนวชายแดน 14 จังหวัด 51 อำเภอ ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานบูรณาการ การสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนอย่างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรูปธรรม ซึ่งสถิติการจับกุมยาเสพติดในห้วง ตุลาคม 67 – มีนาคม 68 มีการจับกุมคดียาเสพติด จำนวน 77,642 คดี ผู้ต้องหา 77,202 คน ตรวจยึดยาบ้ากว่า 450 ล้านเม็ด, ไอซ์กว่า 25,000 กก., เฮโรอีนกว่า 1,600 กก. และเคตามีนกว่า 3,100 กก.
จากการประเมินสถานการณ์ยาเสพติด พบว่ามีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ไหลเข้าไปยังแหล่งผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ตามแนวชายแดนมีบทบาทสำคัญในการนำเข้ายาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ภายในประเทศ โดย รอง ผอ.รมน. ได้กำชับให้ กอ.รมน.ภาคและจังหวัด บูรณาการกับทุกภาคส่วนในการเข้มงวดตรวจตามแนวชายแดนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.บึงกาฬ และ จ.นครพนม และภาคตะวันตก จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี เพื่อป้องกันไม่ให้สารเสพติดหลุดรอดเข้าพื้นที่ตอนในของประเทศ ลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดในสังคม
สถานการณ์ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากปัญหาความขัดแย้งของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้มีผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองเป็นจำนวนมาก อาทิ กลุ่มที่ต้องการเข้ามาทำงานในภาคเกษตรตามฤดูกาล, การลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ชั้นในโดยเฉพาะในจังหวัดเศรษฐกิจ อีกทั้งใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปประเทศที่สาม สำหรับสถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองและผู้นำพาในห้วง ตุลาคม 67 – มีนาคม 68 มีการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง จำนวน 20,945 คน ผู้นำพา 378 คน โดยมีสถิติการจับกุมสัญชาติเมียนมา 9,998 คน ลาว 5,862 คน กัมพูชา 3,439 คน แนวโน้มสถานการณ์คาดว่าจะยังคงมีการลักลอบเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางและท่าข้ามธรรมชาติตามพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ รอง ผอ.รมน. ได้กำชับให้เข้มงวดในการเฝ้าระวัง และดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ป้องกันการกระทำที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ
สำหรับสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบการบุกรุกแผ้วถางป่า การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวน โดยไม้ที่ถูกลักลอบตัดมาก ได้แก่ ไม้พะยูง, ไม้สัก, ไม้ประดู่ และไม้ชิงชัน เนื่องจากมีราคาแพง สำหรับพื้นที่ที่มีการลักลอบตัดไม้มากที่สุดได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง ทั้งนี้ รอง ผอ.รมน. เน้นย้ำให้บูรณาการทุกภาคส่วนเฝ้าระวังเข้มงวด ทั้งด้านการข่าว การบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในการเข้มงวดการบุกรุกป่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, จ.กระบี่ และ จ.ตาก และการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ จ.ลำปาง, จ.แพร่ และ จ.แม่ฮ่องสอน สำหรับสถิติการจับกุมคดีเกี่ยวกับป่าไม้ในห้วง ตุลาคม 67 – มีนาคม 68 คดีบุกรุกพื้นที่ป่า จำนวน 604 คดี ผู้ต้องหา 171 คน พื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก จำนวน 13,397 ไร่ และคดีการลักลอบตัดไม้ จำนวน 392 คดี ผู้ต้องหา 245 คน ของกลาง 1,240 ลบ.ม.
ในช่วงท้ายของการประชุม รอง ผอ.รมน. ได้กล่าวขอบคุณสำหรับผลการปฏิบัติงานในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ที่เห็นผลเชิงประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการทำงานในครึ่งปีหลังขอให้ทุกหน่วยดำรงการทำงานเชิงรุกในทุกมิติ เพื่อให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ภัยความมั่นคงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กำหนดทิศทางการทำงานของหน่วย พร้อมกันนี้ขอให้ทุกส่วนมีการจัดทำรายงานสรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญตามแผนงาน/โครงการ ตลอดจนงานตามนโยบายของ นรม./ผอ.รมน. เพื่อเรียนถึงความคืบหน้าและใช้เป็นข้อมูลแนวทางในการบริหารจัดการปัญหาความมั่นคงในภาพรวม สุดท้ายนี้ขอให้ข้าราชการและทุกส่วนงานปฏิบัติอย่างเต็มที่ รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลเพื่อป้องกันการรั่วไหล การถูกบิดเบือน หรือการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของหน่วยงานและประเทศชาติ
ขอบคุณภาพ : กอ.รมน.