
“ภูมิธรรม” ควง ปลัดฯกลาโหม ขึ้นเหนือลงเรือตรวจการณ์สำรวจภูมิประเทศชายแดนลำน้ำโขง จากสามเหลี่ยมทองคำ ถึงบ้านหาดบ้าย เพื่อหาแนวทางป้องกันยาเสพติด ค้ามนุษย์ และอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะเริ่มคิกออฟ 30 ม.ค.นี้
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.68 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) สถานีเรือเชียงของ ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย
ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พรัอมคณะได้ขึ้นเรือตรวจการณ์สำรวจภูมิประเทศและตรวจเยี่ยมสถานีเรือเชียงแสน ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ถึงบ้านหาดบ้าย รวมระยะทาง 39 กม. และสถานีเรือเชียงของ ซึ่งรับผิดชอบตั้งแต่ บ้านหาดบ้าย ถึงแก่งผาได บ้านห้วยลึก รวมระยะทาง 57 กม.
ทั้งนี้หน่วยรักษาความสบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เขตเชียงรายเป็นหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพเรือ ขึ้นการควบคุมทางยุทธการกับกองกำลังผาเมือง รับผิดชอบพื้นที่ตามแนวแม่น้ำโขง ติดกับชายแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีพื้นที่ครอบคลุม 34 หมู่บ้าน ตามูลน้ำโขงในพื้นที่ 8 ตำบลของ 3 อำเภอได้แก่ อ.เชียงแสน, อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย รวมระยะทางทางน้ำ 96 กม
ส่วนในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม-ธันวาคม 2567) สามารถตรวจยึดจับกุมยาเสพติด ยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 56 กก. และไอซ์ 135 กก. มูลค่ากว่าพันลัานบาท นอกจากนี้ ยังสามารถดำเนินการตรวจยึด ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ตรวจยึดรถยนต์รถจักรยานยนต์ และบุหรี่ต่างประเทศมูลค่าของกลางกว่า 2 ล้านบาทและยังจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ผู้ต้องหาจำนวน 30 คน ส่วนมากคนลาวและคนจีน
สำหรับการเดินทางมาตรวจเยี่ยมของรองนายกฯและรมว.กลาโกม ในครั้งนี้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ลงพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องเร่งแก้ไขพร้อมบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการลักลอบผ่านแนวชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ
โดยกำหนดเป้าหมายและมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนให้ประชาชนได้เห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน ทั้งนี้จะเริ่ม Kick off โครงการ ในวันที่ 30 มกราคม 2568 ซึ่งชายแดนด้านนี้ยังคงเป็นพื้นที่ล่อแหลม สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น เพราะนอกจากจะมีการลำเลียงผ่านช่องทางชายแดนทางบกแล้ว ยังมีการใช้เส้นทางลำเลียงในแม่น้ำโขงด้วย
ทาง นรข. จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการซีลแนวชายแดน ตรวจจับ สกัดกั้นยาเสพติด การกระทำผิดกฎหมายตามช่องทางๆ น้ำ เพื่อสนับสนุนกำลังทางบกในการรักษาความมั่นคงและบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลการจับกุมสู่พื้นที่ตอนใน โดยแนวทางปฏิบัติการจะใช้การสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนที่มีความเสี่ยงสูงของพื้นที่ 51 อำเภอ ใน 14 จังหวัด แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ชั้น ชั้นแรก (แนวชายแดน) เป็นความรับผิดชอบของกองกำลังป้องกันชายแดนสนธิกำลังระหว่างตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยทหารทุกหน่วยที่รับผิดชอบดูแลและสกัดกั้น
ในระดับ 2 (พื้นที่ตอนในระดับอำเภอ) เป็นการร่วมกันระหว่างตำรวจ นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ในการป้องกัน จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จัดชุดปฎิบัติการลงพื้นที่ ซึ่งจะมีการเรียกประชุมผู้กำกับสถานีตำรวจ 76 สถานี นายอำเภอ 51 อำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อร่วมกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้จะให้มีการประเมินผลทุกวงรอบ 6 เดือน
สำหรับแนวทางดังกล่าวมีเป้าหมายที่สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพ ติดในพื้นที่ชายแดนเชิงรุกและบูรณาการเพื่อลดปัญหาในระยะยาวมุ่งสร้าง ความปลอดภัยและความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมทั้งลดปัญหาผู้มีอิทธิพลที่ เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้หมดไปจากประเทศไทยในปี 2568