
“ภูมิธรรม” เล่นใหญ่ 6 เดือนปราบยาเสพติดต้องเห็นผล พร้อมยึด KPI ชี้วัดภารกิจต้องชัดเจนทั้ง แก้ยาเสพติด ค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ รวมถึงประเมินเลื่อนยศ ปลดย้าย ทหาร ตร. พร้อมหนุนเครื่องมือพิเศษแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.68 ที่สถานีเรือเชียงของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) จังหวัดเชียงราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายตามลำน้ำโขงที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านว่า จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ ขอชื่นชมสมรรถภาพของหน่วยยุทโธปกรณ์ มีความพร้อมในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย
ในการประชุมผู้เกี่ยวข้องวันที่ 30 ม.ค.นี้ จะเน้นย้ำนโยบายให้ชัดเจน ตั้งเป้าไว้ว่า 6 เดือนประเมินให้เห็นผล หากไม่ทำอะไร สิ่งที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนก็จะไม่หมดไปง่ายๆ เพราะปัจจุบันมีปัญหา จากนี้เราจะเพิ่มขั้นตอนปฏิบัติด้วยการซีลพื้นที่ เชื่อว่าน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ ทั้งระดับผู้กำกับ นายอำเภอ หากทำไม่ได้หรือแย่ลงต้องดูว่าจะทำอย่างไร ต้องดูมาตรการจังหวัด กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ ผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ ต้องลงมาดูแล ต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน
“ประกาศให้ชัดก่อนเริ่มทำงานมี KPI เป็นตัวชี้วัด ซึ่งทุกคน ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ต้องรู้ว่าปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต้องจัดการอย่างไร ผมจะลงไปดูชายแดนอีกหลายพื้นที่ เพราะมีปัญหาค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด เป็นภัยคุกคาม เราต้องตื่นตัวหามาตรการแก้ปัญหา” นายภูมิธรรมกล่าว และว่าในส่วนของทหารต้องรับการประเมิน KPI ต้องยอมรับว่ากำลังทหารชั้นแรกไม่พอ เพราะชายแดนยาวและมีช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก ดังนั้นจึงได้นำระดับอำเภอมาเป็นพื้นที่ชั้นที่ 2 ช่วยลดภาระเกิดปัญหา แต่ย้ำว่า KPI ต้องชัดเจนว่าภารกิจของใครทำอะไร ตั้งใจว่าจะเอานายอำเภอและผู้กำกับทำงานคู่กันไป และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานคู่กับผู้บังคับการจังหวัดเพื่อตกลงกันให้ชัด
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนต้องหามาตรการความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน แม้ที่ผ่านมาพูดคุยกันมาตลอดแต่ปัญหาไม่คลี่คลาย อยากให้ทุกหน่วยงานคิดใหม่ เพราะถ้าคิดแบบเดิมได้แบบเดิม แต่ยอมรับว่ามีหลายปัจจัยทำให้เกิดปัญหา ก็ไม่ได้โทษใคร ส่วน KPI จะมีผลต่อตำแหน่งและการโยกย้ายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังคิดในรายละเอียด แต่จะให้ระดับผู้บังคับบัญชาหามาตรการชี้วัด KPI เพราะเขาจะรู้ดีสุดแค่ไหน อย่างไรถึงเหมาะสม เช่น ทหาร จะมีแม่ทัพภาคในฐานะที่เป็นกองบัญชาการ หน่วยบัญชาการสารตั้งต้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด (นบ.ยส.) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะมีอำนาจคุมผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ
“กลาโหม พร้อมสนับสนุนเครื่องมือพิเศษให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เช่น จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังพิจารณาเรื่องโดรนลาดตระเวน ไม่ต้องใช้ทหารไปเดินเสี่ยงถูกโจมตี อยากได้เครื่องมืออะไรขอให้ไปทำตามแผนมา เราไม่ขวาง แต่ตนจะไขว้ให้ด้วย แต่ขออย่างเดียวของต้องมีคุณภาพ ราคาสมเหตุผล เช่น ซื้อเสื้อเกราะมาถูกยิงแล้วตายอันนี้รับไม่ได้ ได้ย้ำกับผู้บังคับบัญชาไปแล้ว สิ่งไหนใช้เทคโนโลยีมาแทน การใช้กำลังพลก็จะลดลง ซึ่งตนได้เน้นย้ำกับ ผบ.เหล่าทัพ รวมถึง ผบ.ตร.ไปแล้ว หากระวังหลักการที่ชัดเจนแล้วพูดคุยกันก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้”นายภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามว่า เราซีลชายแดนเป็นการแก้ปัญหาปลายทาง แล้วปัญหาต้นทางมีการหลอกคนจีน ใช้ไทยเป็นทางผ่านไปส่งชายแดน ดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยอมรับว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการแก้ไขปัญหาปลายทาง แต่เป็นด่านที่สำคัญ หากซีลชายแดนได้ชัดเจน การเคลื่อนย้ายคนก็ไม่ง่าย ต้องไปคิดรายละเอียด ส่วนต้นทางก็ต้องไปพูดคุยกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อย่างกรณีดาราจีนซิงซิง เราไล่เช็กกล้องวงจรปิดก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ได้มีอาการบังคับขู่เข็น จนกระทั่งเขาขึ้นรถ ก่อนไปข้ามเส้นทางธรรมชาติ ถือเป็นปัญหาพิเศษ ต้องมาวางรายละเอียดกันอีก แต่เรื่องนี้หากสามารถทำได้สำเร็จต้องบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนรถที่รับส่งนั้นจะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ยังพูดแบบนั้นไม่ได้ ต้องมาตรวจสอบว่าส่วนตรงไหนเกี่ยวข้องบ้าง และแก้ไขปัญหาจากสิ่งที่มันเกิด สิ่งเหล่านี้ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว แต่ต้องมีความปลอดภัยด้วย
เมื่อถามว่า ปัจจุบันก็กระทบอยู่แล้วเพราะมีการยกเลิกคอนเสิร์ต อีกทั้งใกล้เทศกาลตรุษจีน คาดการณ์ว่าคนจะไม่เดินทางมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรากำลังแก้ไขกันอยู่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานปัญหาและการเข้าใจที่แท้จริง และวันจันทร์นี้รัฐมนตรีเกี่ยวข้องในการวางมาตรการดูแลความปลอดภัย นักท่องเที่ยว และด้านไซเบอร์ เช่น นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หารือกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดีอี เพื่อไปตรวจสอบการปล่อยข่าวในเชิงลบต่อประเทศไทยในโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารไปยังประเทศจีนในการทำความเข้าใจ คงต้องแก้ไขปัญหาเบื้องต้นไปก่อน